dtac อธิบาย คลื่น 2300MHz แบบ TDD ดีอย่างไร? เตรียมจะเปิดใช้บริการเร็วๆ นี้

ใครที่ติดตามข่าวในวงการสื่อสาร ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า dtac ได้เจรจาเพื่อเช่าคลื่น 2300MHz จำนวนถึง 60 MHz จาก TOT มาให้บริการในเครือข่ายของตน ชดเชยที่ไม่สามารถประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz กับคู่แข่งอย่าง AIS และ True ได้ ซึ่งการที่ dtac จะนำคลื่น 2300MHz มาใช้นั้น ต้องมีการเปลี่ยนเทคโนโลยีการส่งข้อมูลที่อยู่เบื้องหลัง จากเดิม FDD (Frequency Division Duplex) เป็นแบบ TDD (Time Division Duplex) ด้วยเหตุนี้เองทาง dtac จึงได้ทำการอธิบายเกี่ยวกับคลื่น 2300MHz แบบ TDD ไว้ดังนี้ครับ

ทำไมคลื่น 2300 MHz จะมาทำให้ดูหนังบนมือถือลื่นขึ้นกว่าเดิม

เทรนด์หนึ่งที่เห็นได้ชัดจากสถิติการเติบโตของทั้ง YouTube ที่มีคนดูผ่านทางมือถือมากขึ้นถึง 90% และยอดเข้าชม LINE TV สูงกว่าปีก่อน 136% ในช่วงปีที่ผ่านมา เข้ามายืนยันถึงไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ที่ไม่ได้ติดอยู่กับการใช้งานสมาร์ทโฟนเพื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ค แค่การสนทนา หรืออ่านเนื้อหาต่างๆ เพียงอย่างเดียว แต่กำลังขยายออกไปอยู่บนยุคที่การรับชมคลิปวิดีโอทั้งในช่วงระหว่างเดินทางบนท้องถนน และใช้เป็นความบันเทิงยามพักผ่อนในแต่ละวัน

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการใช้งานนั้น ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างพื้นฐานอย่างการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ยิ่งในยุคที่การให้บริการ 4G LTE หรือการใช้โมบายดาต้า เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ผู้ใช้งานเข้าถึงเนื้อหาที่หลากหลาย รอบด้านมากขึ้น ก็เพิ่มความบันเทิงได้ง่ายขึ้น

การเลื่อนดู LIVE หรือวิดีโอที่น่าสนใจ ผ่านหน้าไทม์ไลน์บน Facebook กลายเป็นกิจวัตรประจำวันเวลาที่หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาถืออยู่ในมือ หรือถ้ามีช่วงเวลาว่างสักชั่วโมงการรับชมละคร หรือซีรีส์ย้อนหลังจาก Youtube และ LINE TV ได้กลายเป็นทางเลือกให้คนเข้าถึงคอนเทนต์วิดีโอได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น

ในมุมของผู้ให้บริการ หรือโอเปอเรเตอร์ ที่เห็นข้อมูลสถิติเหล่านี้ชัดเจน จากปริมาณการใช้งานดาต้าเฉลี่ยต่อคนต่อเดือนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากในปีที่ผ่านมาอยู่ประมาณเฉลี่ยเดือนละ 2 GB กลายเป็น 5-6 GB ต่อเดือน จากจำนวนผู้ใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยที่มีอยู่ทั่วประเทศ

ประกอบกับเมื่อปริมาณแบนด์วิดท์ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้งานกับการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอ ซึ่งต้องใช้ความเร็วที่มากขึ้นหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับการรัส่งข้อมูลที่เป็นรูปภาพ หรือตัวอักษร ดังนั้นการให้บริการ 4G LTE จึงได้ถูกปรับแต่งให้รับกับพฤติกรรมเหล่านี้

เพียงแต่ว่าในปัจจุบันการให้บริการ 4G LTE ในประเทศไทย จะอยู่บนคลื่นที่ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า FDD (Frequency Division Duplex) มาให้บริการ เช่น บนคลื่น 1800 MHz และ 2100 MHz

โดยรูปแบบการทำงานของ FDD จะใช้วิธีการรับส่งข้อมูลบนคลื่นความถี่ที่แบ่งเป็นคนละชุด และต้องใช้งานรับส่งไปพร้อมๆกันเป็นคู่กัน เช่น คลื่น 2100 MHz ที่ให้บริการด้วยแบนด์วิดท์ 15MHz นั่นคือจะมีคลื่นแบนด์วิธ 15 MHz สำหรับรับข้อมูลหรือดาวน์โหลด และคลื่นอีกชุดที่มีแบนด์วิดท์ 15 MHz เช่นกันเพื่อทำการส่งข้อมูล คลื่น 2 ชุดทั้งรับและส่งจะต้องใช้งานควบคู่กันตลอดเวลา แม้ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วพฤติกรรมผู้ใช้จะเน้นการดาวน์โหลดข้อมูลก็ตาม 

ลองนึกถึงภาพถนนซูเปอร์ไฮเวย์ 6 เลนส์ ที่มีทั้งขาเข้าเมืองและขาออกเมือง มีจำนวนเลนส์ถนนใช้งานเท่ากันฝั่งละ 3 เลนส์ โดยมีแบริเออร์หรือกำแพงปูนกั้นกลางแบ่งแนวถนนสำหรับสองฝั่งชัดเจน ดั้งนั้น การใช้งานแม้ว่าตอนเช้าขาเข้าเมืองจะมีปริมาณรถมาก ขาออกนอกเมืองปริมาณรถจะน้อย ด้วยการที่ถนนแบ่งชัดเจน เราอาจจะเห็นว่าอีกฝั่งใช้งานหนาแน่นรถติด อีกฝั่งโล่งมีรถไม่กี่คันวิ่งกันสบาย แต่เราก็ต้องใช้งานตามที่กำหนดมาตายตัวแบบนั้น

โดยพื้นฐานการให้บริการของคลื่นที่ใช้เทคโนโลยีแบบ FDD จะถูกจำกัดด้วยปริมาณแบนด์วิดท์ที่สามารถมาจัดสรรให้บริการหรือนำออกมาประมูลใบอนุญาตในปัจจุบันที่ใบละไม่เกิน 15-20 MHz การให้บริการ 4G หรือการใช้งานดาต้าบนมือถือยิ่งมีคลื่นกว้างคลื่นมากจะยิ่งดี และยิ่งเป็นคลื่นเดียวที่มีแบนด์วิดท์กว้างมากจะยิ่งดีเพิ่มไปอีก

แต่แน่นอนว่าเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปมาเน้นการใช้งานดาต้าความเร็วสูง รูปแบบการให้บริการ 4G บนแค่คลื่นที่ใช้การรับส่งแบบ FDD คงไม่ตอบโจทย์การใช้งานต่อเนื่องในอนาคต เพราะจากสถิติต่างๆ ตอกย้ำให้เห็นถึงรูปแบบการใช้งานของผู้บริโภคที่เน้นการดาวน์โหลดข้อมูลเข้ามาในการสตรีมมิ่งวิดีโอคอนเทนต์ต่างๆ

เทคโนโลยีอย่าง 4G LTE-TDD (Time Division Duplex) จึงถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยเฉพาะการดาวน์โหลดข้อมูลที่สามารถขึ้นไปใช้งานระดับ Gigabit Network ได้ (ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่รองรับ)

ดังนั้น การที่ดีแทคเข้าไปเป็นพันธมิตรกับทางทีโอทีในการให้บริการ 4G LTE-TDD บนคลื่นความถี่ 2300 MHz มาเปิดให้บริการจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้งานดาต้าในไทย เพราะคลื่น 2300MHz จะใช้เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลแบบ TDD ทำให้ยกระดับเครือข่าย 4G LTE ในประเทศไทยให้กลายเป็นผู้นำอันดับแรกๆ ของโลก ที่ให้บริการ 4G LTE-TDD บนแบนด์วิดท์ที่กว้างถึง 60 MHz และที่สำคัญคือเป็นผืนเดียวติดกัน

ในขณะที่ประเทศอื่นๆ แม้แต่ในเกาหลี จีน และญี่ปุ่น ที่มีการนำ 4G LTE-TDD ไปใช้งาน ก็ไม่มีแบนด์วิดท์บนคลื่นเดียวกันที่กว้างขนาดนี้

ที่น่าสนใจคือ TDD จะมีรูปแบบการรับส่งข้อมูลที่แตกต่างจาก FDD เพราะใช้คลื่นเดียวสำหรับการรับส่งข้อมูล แต่เป็นการสลับช่วงเวลาในการรับส่งข้อมูลแทน ทำให้สามารถใช้งานคลื่นเดียวได้เต็มที่ด้วยการออกแบบคลื่นให้มีปริมาณการรับส่งข้อมูลตามพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ซึ่งนี่คือจุดเด่นของ TDD คลื่นที่จะนำมารองรับการใช้งานดาต้าในอนาคต เพราะส่วนใหญ่ผู้ใช้งานดาต้านั้นจะใช้งานรูปแบบ downlink มากกว่า ลองนึกถึงการใช้งานของเราที่ดูหนัง หรือโหลดเพลง อ่านคอนเทนท์ต่างๆ บนโลกโซเชียล นี่คือการใช้งานแบบด้าน downlink มากกว่านั่นเอง เราใช้งาน uplink ด้วยเช่นกัน เช่น ถ่ายภาพอัปโหลดขึ้นเฟซบุ๊ก แต่การใช้งานฝั่ง uplink อาจจะด้วยปริมาณไม่มากเท่ากับที่เราใช้งาน downlink

ตอนนี้ ลองนึกถึงภาพถนนซูเปอร์ไฮเวย์ภาพเดิมที่มีทั้งขาเข้าเมืองและขาออกเมือง แต่ถ้าจำนวนถนนที่เรามีทั้งหมด 6 เลนส์ สำหรับรองรับการใช้งาน ไม่ต้องแบ่งเป็นขาเข้าเมือง 3 เลนส์ ขาออกเมือง 3 เลนส์ให้เท่ากันแบบนี้ จะดีกว่าหรือไม่ เพราะถ้าคนใช้งานฝั่งขาเข้าเมืองมากกว่า เราจะออกแบบให้ถนนฝั่งขาเข้าเมืองมี 4 เลนส์ ฝั่งขาออกนอกเมืองมี 2 เลนส์ หรือถ้าคนใช้งานกันแต่ฝั่งเข้าเมืองเรามาออกแบบเป็น ถนนฝั่งขาเข้าเมือง 5 เลนส์ และฝั่งขาออกนอกเมือง 1 เลนส์พอ แบบนี้จะดีกว่าหรือไม่

กลับมาในมุมของผู้ใช้จะได้ประโยชน์อะไรจาก 4G LTE-TDD หนึ่งเลยคือ จะได้ความเร็วในการใช้อินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น โดยเฉพาะในแง่ของการดาวน์โหลดคอนเทนต์ เมื่อเทียบกับ 4G บนคลื่นแบบFDD ดังนั้น 4G บนคลื่น 2300MHz จะให้การใช้งานสตรีมมิ่งวิดีโอคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็น Youtube Facebook Live LINE TV และดูคลิปวิดีโอผ่านช่องทางต่างๆ ก็จะรวดเร็วขึ้น ลื่นขึ้น

ที่สำคัญ เมื่อคลื่น 2300 MHz มาเปิดให้บริการพร้อมกับ 4G LTE-TDD  นี่คือคลื่นใหม่ที่มาเพิ่มจากคลื่นเดิมอื่นๆ ที่ให้บริการอยู่แล้ว ผู้ใช้บริการไม่ต้องกังวลในการใช้งานว่ามือถือที่ใช้จะเลือกจับคลื่นใด หรือใช้เทคโนโลยีอะไร เพราะผู้ให้บริการจะวางแผนเน็ตเวิร์คและจัดสรรเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาให้บริการ บนความเร็วในการเชื่อมต่อที่แรงที่สุดในพื้นที่นั้นๆ มาให้ลูกค้าได้ใช้งาน

สุดท้ายการมาของ 4G LTE-TDD จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านเครือข่ายไร้สายในประเทศไทย ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สร้างความเท่าเทียมให้แก่ผู้ใช้งานในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องระดับไฮเอนด์แต่ก็เข้าถึงโมบายบรอดแบนด์ได้

ที่มา – อีเมลประชาสัมพันธ์


ส่งต่อเรื่องนี้ให้เพื่อน!