ทดสอบประสิทธิภาพ 4G กับ Galaxy Note 3 LTE

การเข้ามาของเทคโนโลยี 3G ในประเทศไทย นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการโทรคมนาคมครั้งใหญ่ของไทยเลยก็ว่าได้ เพราะปัจจุบันกระแสความนิยมเกี่ยวกับอุปกรณ์พกพาจำพวกสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ล้วนเข้ามามีบทบาทในชีวิตจริงของเรามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ การเสพสื่อบันเทิงและข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนการทำงานในภาคธุรกิจ

ยิ่งในตอนนี้เริ่มมีค่ายมือถือบางค่ายได้เปืดให้บริการโครงข่ายไร้สายในขั้นที่สูงกว่า 3G ออกมาแล้ว นั่นคือ 4G บทเทคโนโลยี LTE ซึ่งจะเป็นการพัฒนาให้โครงข่ายไร้สายให้สามารถรับส่งมูลไปยังอุปกรณ์เคลื่อนที่ของผู้ใช้ได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่า แต่การที่จะใช้งาน 4G บนสมาร์ทโฟนนั้น จะต้องอาศัยเครื่องในรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อกับ 4G ได้ด้วย ซึ่งในปัจจุบันสมาร์ทโฟนที่วางขายในท้องตลาดบ้านเราถ้าไม่ใช่รุ่นท็อปจริงๆ ส่วนใหญ่จะยังไม่ค่อยรองรับ 4G

รายชื่อสมาร์ทโฟนที่รองรับ 3G ในประเทศไทย

สำหรับสมาร์ทโฟนที่ผมจะมาทดสอบประสิทธิภาพการเชื่อมต่อผ่าน 4G วันนี้ จะเป็น Galaxy Note 3 สมาร์ทโฟนจอยักษ์ที่ทางซัมซุงเพิ่งนำรุ่น LTE ที่เพิ่มการรองรับ 4G เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อตอนต้นปีใหม่ แต่ผมเพิ่งได้เครื่องมาหมาดๆ เลยขอจับเอามาทดสอบ 4G โดยเฉพาะ (รีวิว Note 3 ในฟีเจอร์ปกติหาอ่านย้อนหลังได้ตามตอนเก่าๆ)

สำหรับรูปร่างหน้าตาของ Note 3 LTE นั้น มีหน้าตาไม่แตกต่างกับ Note 3 รุ่นปกติเลยครับ เพียงแต่รุ่น LTE จะใช้ CPU ที่รองรับการเชื่อมต่อกับเครือข่าย 4G ได้

การใช้งาน 4G กับ Galaxy Note 3 นั้นก็ไม่แตกต่างกับ 3G ครับ โดยต้องใส่ซิมการ์ดที่รองรับการเชื่อมต่อกับเครือข่าย 4G (ปัจจุบันมีเพียง Truemove-H ค่ายเดียวที่เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์) และต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณ 4G ซึ่งตอนนี้พื้นที่ให้บริการ 4G ส่วนใหญ่จะกระจุกอยู่เฉพาะในกรุงเทพ และส่วนต่างจังหวัดจะอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น (คาดว่าปลายปีนี้ อีกค่ายมือถือใหญ่ๆ ที่เหลือน่าเริ่มทำตลาดและขยายพื้นที่การให้บริการ 4G กันมากขึ้น)

ถ้าองค์ประกอบทั้ง 3 ครบ (เครื่องรองรับ, ซิมรองรับ และอยู่ในพื้นที่ให้บริการ) เพียงเท่านี้เราก็สามารถใช้งาน 4G ในสมาร์ทโฟนได้ทันทีครับ (สังเกตตรงไอค่อนเครื่องข่ายจะมีสัญลักษณ์ 4G อยู่)

สำหรับ Note 3 LTE จะมีให้เข้าไปตั้งค่าด้วยครับ ว่าจะเลือก Network Mode เป็นแบบใด ถ้าต้องการเชื่อมต่อ 4G ก็เลือกแบบ LTE/WCDMA/GSM ครับ ซึ่งหากอยู่ในพื้นที่ 4G ตัวเครื่องก็จะเลือกเชื่อมต่อกับโครงข่าย LTE แต่ถ้าอยู่นอกพท้นที่ให้บริการ 4G ตัวเครื่องจะสลับไปใช้ 3G ตามปกติ กล่าวคือสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G นั้นสามารถใช้งาน 3G ตามปกติได้ด้วย

ลองมาทดสอบ Speedtest กันดูครับว่าได้ความเร็วที่เท่าไร ?  …ภาพด้านล่างนี้ทดสอบที่เซ็นทรัลพระราม 9 ผลออกมาคือ 24.02 Mbps สำหรับในทางทฤษฏีแล้ว 4G LTE ของ Truemove-H จะมีความเร็วสูงสุดที่ 100 Mbps แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว การได้ผลออกมาไม่ต่ำกว่า 20 – 30 Mbps นี่ก็ถือว่าไม่เลวแล้วหล่ะครับ

ลองมาดูที่ Speedtest ของการเชื่อมต่อแบบ 3G กันบ้างครับ ได้ความเร็วที่ 8.59 Mbps ตามมาตรฐานในทางปฏิบัติของ 3G ในเมืองไทย

กลับมาทดสอบ 4G ของ Note 3 LTE กันต่อครับ ลองทดสอบดู Youtube ผลออกมาน่าประทับใจมากๆ ครับ กดที่คลิปปุ๊บวีดิโอโหลดมาปั๊บ

เปิดเต็มจอแบบ HD 720p ได้ไหลลื่น

ยิ่งเป็นการท่องเว็บทั่วไปนั้น สบายๆ เลยครับ

ทดสอบเปิดแอพ Google Maps ดูแผนที่แบบภาพถ่ายดาวเทียม โหลดข้อมูลได้เร็วมากครับ รู้สึกเหมือนเล่น Wi-Fi เลย

ลองทดสอบคุยกันแบบเห็นหน้า (Video Call)  Tango, Skype ได้ในระดับน่าพอใจครับ ไม่กระตุก

ทดสอบเล่นเกมดูบ้างครับ เป็นเกมที่ต้องเชื่อมต่อเน็ตตลอดเวลาอย่าง Cookie Run ก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน

หรือจะเป็นเกมปลูกผักเลี้ยงสัตว์ยอดฮิตอย่าง Hayday ยิ่งมาเจอหน้าจอใหญ่ๆ 5.7 นิ้วของ Note 3 นี่ชัดเต็มตามากครับ

ทดสอบในห้างกันมาแล้ว ต่อไปมาออก outdoor กันบ้างครับ ไปกันที่ตลาดนัด/สวนจุตจักรดูบ้าง

ลองทดสอบการโทร (Voice) ผ่าน 4G ก็ทำได้ปกติไม่มีปัญหาครับ ซึ่งตามทฤษฏีแล้วการโทรผ่าน 4G จะได้ยินเสียงชัดเจนกว่าแบบ 2G/3G ซึ่งในจุดนี้ผมแยกไม่ออกแฮะ ฮ่าๆๆ

ลองเดินเล่นรอบสวนจตุจักรไปสักพัก เจอบางจุดที่อับสัญญาณ 4G หรืออาจเป็นจุดที่มีคนเชื่อมต่อ 4G เยอะ ตัว Note 3 LTE ก็จะสลับไปใช้คลื่น 3G ได้ครับ (สังเกตสัญลักษณ์ H+ ของ Truemove H) ทำให้การใช้งานเน็ตได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุด

ไหนๆ ก็สลับมาใช้ 3G ในพื้นที่ที่อับสัญญาณ 4G แล้ว ลองมา speedtest 3G ใน Note 3 LTE กันดูบ้าง …ผลออกมาได้ประมาณ 7-8 Mbps ตามปกติทั่วไปของ 3G ครับ

เดินขึ้นมาที่ BTS หมอชิต ตอนนี้สัญญาณ 4G กลับมาแล้วครับ ลองทดสอบดูคลิป Youtube แบบ HD ได้ออกมาไม่สะดุดเช่นเคย :)

ลองทดสอบเล่น Hayday ระหว่างรอ BTS

ยิ่งเป็นแอพโซเชี่ยลต่างๆ อันนี้แทบไม่มีปัญหาเลยครับ ทั้ง Facebook/Twitter/Instagram

เข้าไปนั่งใน BTS สัญญาณ 4G ยังมีอยู่ครับ :)

เปิดเว็บอ่านข่าวได้ชิวๆ

แวะมาทดสอบกันต่อที่ BTS สถานีพญาไท

ลอง Speedtest ดูสักหน่อย

ทดสอบรถไฟบนฟ้าไปแล้ว (Sky Train) ตอนนี้ลองมาทดสอบกับรถไฟใต้ดิน (MRT) กันบ้างครับ ได้สปีดที่ 24.02 Mbps ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

เล่นเว็บได้ไม่มีสะดุด

และสิ่งที่หลายคนสงสัยคือการใช้งานแบบ 4G นั้นเปลืองแบตกว่า 3G ไหม ? ผลที่ได้คือตลอดระยะเวลาที่ผมทดสอบ 4G กับ Note 3 LTE ในระยะเวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง พบว่าแบตยุบไปถึง 27% นับว่าลดลงไปเยอะพอสมควร ซึ่งก็ไม่ผิดคาดอะไรครับ เพราะการใช้งาน 4G จะต้องใช้พลังการประมวลผลของชิบที่สูงกว่าปกติ จะสังเกตุได้จากเวลาใช้งานหนักๆ ตัวเครื่องจะอุ่นๆ

 

 

บทสรุป

จากที่ได้ตระเวนทดสอบ 4G กันทั่วกรุงเทพ (ตามแนวรถไฟฟ้า) ซึ่งจะเห็นว่าความเร็วของ 4G ช่วยให้เราสามารถใช้งานฟีเจอร์หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ ของสมาร์ทโฟน เช่น คุยกับสดๆ แบบเห็นหน้า, เล่นเกม, ดูคลิปออนไลน์ หรือทำงานต่างๆ ที่ต้องอาศัยอินเทอร์เน็ต ได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกับ 4G ได้ (ไม่เฉพาะ Note 3 LTE นะครับ)

…ใครที่ทำงานหรือออกเดินทางนอกสถานที่บ่อยๆ และชอบการเชื่อมต่อผ่านโครงข่ายไร้สายที่รวดเร็ว การเลือกสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G น่าจะตอบโจทย์ได้ดีพอสมควรครับ ยิ่งในอนาคตอันใกล้ผมเชื่อว่าค่ายมือถือทั้ง 3 น่าจะออกมาทำโปรโมชั่น 4G แข่งกันแบบดุเดือด ใครคิดจะซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่น่าจะเอาประเด็นของ 4G เข้ามาพิจาณาเป็นตัวเลือกด้วยก็ดีไม่น้อยครับ :)


ส่งต่อเรื่องนี้ให้เพื่อน!