นายธนากลับมาแล้ว !! เล่าประสบการณ์ภาคสนาม 5 วัน

(เรื่องเก่า ก่อนไป)
กลับมาแล้วครับ !! หลังจากที่ไปฝึกภาคสนามของนักศึกษาวิชาทหาร
(นศท. หรือ ร.ด. นั่นแหล่ะ) ในช่วงวันที่ 15-19 ม.ค. ที่ผ่านมา
ขอยอมรับว่าภารกิจการไปฝึกครั้งนี้สบายเกินคาดมากมาย
ตอนแรกคิดว่าจะเหนื่อยไม่ได้นอนทั้งคืน ก็ได้นอนกันแต่หัวค่ำทุกวัน
การกินการอยู่ก็สบายๆกินดีอยุ่ดีถึงกับว่าถ้าอยู่โน่นสัก 10 วัน
รับรองน้ำหนักขึ้นแน่นอนครับ

ที่สบายเกินคาดเพราะทางส่วนศูนย์กลาง นสร.(หน่วยกำหลังพลสำรอง)
กำหนดนโยบายการฝึกภาคสนามของ นศท.ปี 3 ใหม่
โดยตัดลดการฝึกบางเรื่องไปไว้ในเนื้อหาปี 4 (ซึ่งผมคงหยุดเรียนแค่ปี3)

เพลงมาร์ช ทหารบก
[audio:http://www.9tana.com/wp-content/uploads/2009/01/march-tb.mp3]
(เปิดฟังระหว่างอ่านนะครับ ได้อารมณ์ดีมาก)


การเตรียมการก่อนไป !

ก่อนไปผมตื่นเต้นและเตรียมการ เตรียมของไว้เยอะมาก เอาเข้าจริงแล้วของที่เกตรียมไป 70% แทบไม่ได้ใช้เลย เช่นกางเกงวอร์ม
,รองเท้าผ้าใบ,ชุดรำลอง ฯลฯ กระเป๋าที่แพคไปหนักประมาณ 4 กิโลกรัม(เป็นล็อคแซคทหาร) ขนาดใหญ่มากใส่สูงท่วมหัวเลย
และก่อนไปวันเดียว เพื่อนๆได้โทรชวนให้ไปตัดผมใหม่ แบบตัดกันเอง ถูๆไถๆกันเองเพระยังไงก็ต้องเอาทรงเกรียน แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว
ร.ร. อื่นมันแทบไม่มีใครตัดไปเลย – -* มีก็แต่พวก รร ผมนี่แหล่ะ

เริ่มออกเดินทางไปถึง !
ทาง รร นัดขึ้นรถที่ รร ตอนหกโมงเช้า. ผมก็ไปรอตั้งแต่ตีห้าครึ่ง หกโมงปุ๊บรถก็มารับเลย เป็นรถบัสธรรมดานี่แหล่ะ แต่ทางทหารจ้างมา
ขาไปก็หลับตลดทางเลย สักหนึ่งชั่วโมง ก็ถึงค่ายทหาร(มทบ.31)
ไปถึงก็ตั้งแถวเป็นโรงเรียน แล้วมีทหารเรียกคิวแต่ละคนไปลงชื่อรายงานตัวคนละ5ชื่อ รร ผมไปถึงเป็น รร แรกครับ
ต่อจากนั้น รร อื่นก็เริ่มเข้ามาถึงศูนย์ฝึกเรื่อยๆ ทั้งหมดแล้วผลัดนี้มีจำนวนผู้เข้าฝึกทั้งสิ้น 361 คน

กิจกรรมที่นึกไม่ถึง “การทดสอบกำลังใจ !”
ผมนึกไม่ถึง และไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยครับว่าจะต้องเจอฐานทดสอบทดสอบกำลังใจ
(ก็คือพวกฐานเล่นเครื่องผาดโผน ปืนไต่ อะไรประมาณนี้ครับ) ซึ่งตั้งแต่ลูกเสือสมัยประถมมาแล้ว
ผมกับการทดสอบกำลังใจนั้นเป็นอะไรที่เข้ากันไม่ได้จริงๆ เพราะผมนอกจากจะมีร่างการที่ใหญ่โตกว่าคนอื่น(อ้วน 555+)
แล้วยังไม่ค่อยกล้าทำอะไรผาดโผน อีกทั้งยังกลัวความสูงอีกตะหาก – -* ยอมรับว่าตอนที่เค้าชี้แจงรายละเอียดแต่ละฐานให้ฟัง
ผมเหงื่อตกมากๆ
พอได้เวลาแล้ว ก็เดือนเล่นตามถามตามหมวด ไม่ผิดคาดครับมีอยู่ 12 ฐานผมเล่นไป 8 ฐานอีก 4 ฐานที่เหลือเล่นไม่ไหวจริงๆครับ
เลยโดนทำฐาน(วิดพื้น)ไปฐานละ 10-20 ที ส่วนอีก 8 ฐานที่ผมเล่นไม่ใช่ว่าจะแคล่วคลอดไปทั้งหมดเลยนะครับ
ยอมรับว่าทุรักทุเรมากๆ เช่นว่าฐานไหนมีตกน้ำนี่ ผมเล่นตกมันทุกฐานไปเลย (เปียกตั้งแต่วันแรก)
และในที่สุดก็ผ่านมาได้ อย่างสาหัสเลยจริงๆ เล่นหัวศอก+หัวเข่าถลอกไปเลย

ห้ามอาบน้ำ!!
มีคำสั่งอย่างเป็นทางการเลยว่าห้ามนักศึกษาอาบน้ำโดยเด็ดขาด เพื่อจะฝึกความอดทน – -*
(5 วัน 4 คืนไม่ได้อาบน้ำ) แต่ดีนะที่อากาศหนาว เหงื่อมันเลยไม่ค่อยออก เลยไม่เหม็นเท่าไร
เอ่อ..ผมเตรียมกางเกงในไปเปลี่ยนกะจะเปลี่ยนวันละตัว ก็ไม่ได้เปลี่ยนครับ (กลับมาไข่เค็มเลย 55+)
อวัยวะที่ห่วงที่สุดของร่างกายนั้นคือ ฝ่าเท้าครับ (ใบหน้าไม่ห่วงหล่อ สิวขึ้นช่างมัน) เพราะเท้าอยู่ในคอมแบต
ทั้งคืนทั้งวันทมีช่วงว่างๆแปปนึงก็ถอดออก แต่ถ้าคิดเป็นเปอเซ็นแล้ว 5 วันได้ถอดรองเท้าสัก 4 % ได้ครับ
ชะนั้นเท้าจะเหม็นมากๆ บางคนเจอรองเท้ากัด ถึงกับนำผ้าอนามัยของผู้หญิงมารองส้นก็มี

การกิน
ฝึกครั้งนี้เรื่องการกินดีมากครับ ไม่ถึงกับหิว อดอยาก มีอาหารมื้อหลักให้ 3 มื้อ+น้ำดื่มตลอด
อาหารแต่ละมื้อจะมี 2 อย่าง คือเผ็ดอย่างนึง และจืดอย่างนึง ใส่ถาดหลุมแล้วมานั่งกินกับผืนดิน
โดนตอนเช้าจะมีนมให้1กล่อง(เป็นนมพวกธัญพืช) ส่วนตอนเย็นก็จะมีขนมหวานให้หนึ่งชิ้น(พวกแซนวิส,ขนมปัง ฯลฯ)
นอกจากอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้แล้วก็ยังมีร้านค้าให้ซื้อพวกขนม+น้ำอัดลมให้ซื้อกันอีก โดยไม่หวงห้าม
หรือแทบจะสนับสนุนให้ซื้อเลยก็ได้ เพราะร้านค้านั้นมันเป็นสวัสดิการของพวกทหารนั่นแหล่ะ
เวลาพักปุ๊บ ก็เชียร์ห้ไปซื้อของกันได้ (5555+) เรียกว่าไม่อดอยากเลยครับ

การนอน
อย่างที่บอกตอนแรกครับว่าการฝึกครั้งนี้ไม่หนักมาก อย่างปีก่อนๆที่ 2 คืนแรกจะนอนในค่าย
2 คืนหลังต้องทำภารกิจค้างคืนในป่า แต่ครั้งนี้นอนในค่าย 4 คืนเลยครับ
อากาศตอนกลางคืนนั้นหนาว โหดร้ายมากๆ เต็นท์ที่นอนเป็นเต็นท์ผ้าใบชขนาดใหญ่นอนกัน 20 คน
พื้นข้างล่างก็ปูด้วยผ้าใบบางๆบนสนามหญ้า ความที่ว่าสภาพอากาศหนาวนั้น ตอนกลางคืน
น้ำค้างมันเกาะผ้าใบเต้น จนกลั่นตัว เป็นหยดน้ำตกภายในเต็นท์ยังกับฝนเลยครับ หนาวมากๆๆ
โชคดีที่ผมมีผ้าห่มไปด้วย …. ทุกวันนอน 3 ทุ่มแล้วก็ตื่นตี 5 มาออกกำลังกายครับ
แต่ละคืนต้องมีการจัดเวรยามด้วย ผมได้เป็ฯเวรคืนแรกคืนเดียวครับ ช่วงตี 2 ถึงตี 3
ตอนเป็นเวรนั้นเอาผ้าห่มมาคลุมด้วย เพราะอากาศหนาวโคตรๆเลย

ทดสอบการยิงปืน HK
วันที่สองเช้าหลังจากินข้าวเสร็จ(ประมาณ 6 โมงครึ่ง) ก็ทำการอกเดินกันไปสนามยิงปืน
ระยะทางประมาณ กิโลเมตร – -* เพื่อทำการสอบยิงปืนชนิด HK
ได้ยิงกันคนละ 31 นัดครับ โดย 6 นัดสำหรับรับปืน อีก 25 นัดเป็นการบันทึกคะแนน
มี 5 ท่า ท่าละ 5 นัด(นอน นั่งสูง นั่งต่ำ นั่งราบ ยืน)
ผมได้ยิงเป็นชุดยิงแรกครับ กลัวมากๆ เพราะที่รุ่นพี่เล่าให้ฟัง ไอ้ปืนชนิดนี้มันเสียงดังและถีบ(สะท้อนกลับ)แรงมากครับ
ก่อนยิงก็มีการแจกเอียร์ปลั๊ก(เป็นพลาสติกเล็กๆ เอามาอุดหู สำหรับกรองเสียงดัง)
ตอนยิงตอนแรกสั่นมากๆครับ เสียงดังโคตรๆ ขนาดกรองเสียงแล้วหูยังอื้อเลย
ผมยิงจบไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหา ปืนไม่ติดขัด แต่ไม่ค่อยเข้าศูนย์กลางเลยครับ(555+)
เลยไม่ได้รับรางวัลพลแม่นปืน ซึ่งบัดดี้ของผม(คู่ยิง) ได้รับรางวัลยแม่นปืน ซึ่งยิงได้คะแนนสูงสุด(104/125)

ว่าด้วยการฝึก

ระเบียบแถว
วันที่สองตอนบ่ายหลังจากยิงปืนเสร็จก็มาฝึกระเบียบแถว เรียกว่าเป็นการขัดเกลาเรื่องเดิมๆพื้นฐานกันก่อน
ไม่มีอะไรมาก แค่ซ้นหัน-ขวาหัน ตามระเบียบพัก และท่าแสดงความเคารพต่างๆ

การใช้คำสั่งยุทธการณ์
เป็นการฝึกใช้คำสั่งในการออกรบ การวางแผนรบต่างๆ เหมือนจะไม่ยากนะครับ แต่ว่าจริงๆเข้าแล้วเรียนไปครึ่งวันแหน่ะ
นั่งเรียนไป หลับไป 555+

การรบแบบหมู่ปืนเล็ก
เป็นการฝึกออกรบแบบหมู่ครับ เป็นหมู่ปืนเล็กมี 11 คน ซึ่งผมอยู่ในตำแหน่งพลปืนเล็กชุดยิง ก.
เป็นแนวหน้าสุดเลยหล่ะครับ เท่ห์ๆๆ

การเข้าตี-ตั้งรับ-ถอนตัว
สถานีนี้ใช้เวลาตัะ้งแต่ 6 โมงครึ่งถึง 2 ทุ่มเลยครับเหนื่อยสุดๆ
เริ่มจากตอนเช้าเดินออกไปสนามซ้อมรบ ห่างจากฐานประมาณ 6 ก.ม.
ไปถึงสนามรบก็สายๆ แล้วหล่ะ
ครั้งแนี้เป็นการรบแบบหมวด หมวดละ50คน ผมอยู่ในหมู่ปืนเล็กอีกเช่นเคย – -*(โคตรเหนื่อยอะ ตำแหน่งนี้)
สถานีนี้แบ่งออกเป็น 3 ตอนคือ
1.การเข้าตี
ระยะทางที่จะทำการเข้าตี ประมาณ 1 ก.ม.ได้ ทั้งวิ่ง เดิน โผ หมอบ กลิ้ง คลานสูง คลานต่ำ คลานผ่านลวดหนาม
โคตรเหนื่อยสุดๆๆเลยครับโดยเฉพาะตอนคลาน 30 เมตร(ใจจะขาดให้ได้)
ระหว่างการเข้าตีเผื่อยึดที่มั่น พวกครูฝึกมีการยิงปืนกับระเบิิดจริงประกอบด้วยครับ สมจริงมาก
กว่าจะเข้าตีเสร็จเกือบ 1 ช.ม. ครับ
2.การตั้งรับ
หลังจากเข้าตีแล้วก็มีการยึดฐานที่มั่นใหม่ ในฐานก็จะมีหลุ่มบุคคลสำหรับซุ่มยิงครับ ผมได้หลุมที่มันอยู่กลางแดด
ไม่มีต้นในข้างบนเลย!! อยู่ในหลุ่มนั้นประมาณ 40 นาที แทบตายเลยครับ ไอ้เพื่อนๆที่มีร่มบังมันเล่นหลับในหลุมกันเลย
ผมก็ต้องอยู่ในหลุมตลอด เพื่อรอหมวดต่อไปมาเข้าตี
3.การถอนตัว
หลังจากตั้งรับเพื่อรอหมวดต่อไปมาเข้าตีแล้ว ทางหมวดผมก็ต้องถอดตัวออกจากที่มั่น เพื่อร่นถอยกลับฐาน
ไอ้ถอนตัวนี่แหล่ะเปรียบเสทอนการเดินกลับค่าย ประมาณ 6 ก.ม. เช่นกัน – -* กว่าจะถึงฐานรวมๆแล้วก็ 2 ทุ่มกว่าครับ

การดำรงชีพในป่า
ได้ฝึกเรื่องการดำรงชีพเอาชีวิตรอดในป่าวครับ เช่นการหาของกิน การประกอบอาหาร มีการนำกระบอกไม้ไผ่มาหุงข้าวกินกันด้วย
การหาน้ำจากเถาวัลย์มากิน(ขมโคตร) นับว่าสบายมากครับฐานนี้ เพราะเข้าไปเรียนในป่า ร่มดีครับ 55+

การรบในเวลากลางคืน
ไม่มีอะไรมากครับ เหมือนการรบแบบหมู่ปืนเล็ก แต่ไปรบตอนกลางคืน มืดๆมองแทบไม่เห็นอะไรเลยครับ มืดจริงๆ(หนุกไปอีกแบบ)

ปลูกฝังความเป็นไทย
เป็นการนั่งฟังบรรยายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชาติไทย และมีการพูดถึงเรื่องประชาธิปไตย
ทหารแอบพูดเข้าข้างเสื้อเหลืองนิดๆแหะ 555+
ฐานนี้ทำให้ผมรู้สึกรักชาติขึ้นมาก(มั้ง) กลับมาโหลดเพลงปลุกใจฟังเลย อิอิ

โชคดีสุดๆ ตรงกับวันกองทัพไทย !
ตอนวันอาทิตย์ จริงๆแล้วต้องมีการฝึกการรบแบบกองร้อยครับ แต่ถูกยกเลิกไป
เพราะวันนี้เป็นวันกองทัพไทย เค้าให้พวก นศท. มาดูการสวนสนามของทหารจริงในค่ายทหารครับ
สุดยอดไปเลย

วันสดท้าย-กลับบ้าน
ตื่นเช้ามาวันสุดท้ายรู้สึกสดชื่นมากมายครับ เพราะวันนี้จะได้กลับบ้าน
ช่วงเช้าก็เข้าห้องโถงฟังบรรยายเรื่องระบบกลังพลสำรองครับ
ว่าเราจะต้องมีหน้าที่อะไรบ้างต่อจากนี้
นั่งฟังบรรยายประมาณ 2 ช.ม.(หลับ)
ก็ถึงพิธีปิดจนได้(รอคอยมานาน)
ตอนกลับมีรถฐานไปส่งถึง โรงเรียนเลยครับเทห์มากๆ
ขับไปจอดข้างใน โรงเรียน ตอนกำลังปล่อยกลับบ้านพอดีเลย คนเต็ม
เดินลงมาด้วยความ(เก็ก)ภูมิใจ …… จากนั้นก็เดินทางจาก รร กลับบ้านทันที !!

หน้าที่ และสิทธิที่จะได้รับหลังจากนี้
คนส่วนใหญ่(รวมถึงผมด้วยตอนแรก)คิดว่าเรียน ร.ด. เพื่อไม่ให้เป็นทหาร
แต่จริงๆแล้วารเรียน ร.ด. คือการฝึกเพื่อเป็นทหาร
ก็จริงที่เรียนจบ 3 ปีแล้วจะได้สิทธิ์ไม่ต้องเข้ารับเกณฑ์ทหาร
เราจะได้ขึ้นบรรชีเป็นทหารกองหนุน
มียศด้วยนะครับ เป็น ว่าที่สิบเอก (เรียนจบ 5 ปี เป็นว่าที่ร้อยตรี)
กองทัพสามารถเรียกผมมาตรวจสอบกำลังพลได้เสมอ หากไม่มาจะมีความผิด(ฐานหนีทหาร)
และในยามที่ประเทศเข้าสงคราม พวกกองหนุนต่างๆจะถูกเรียกระดมผล ไปเสริมทหารจริงๆครับ
ผมจะมีชื่อเป็นกองหนุนไปอีก 23 ปีครับ หลังจากนั้นแล้วถึงจะถูกปลด

——————————————-

ประทับใจมากๆ
เรื่องที่จะมาบอกเล่ากันก็มีเท่านี้หล่ะครับ( แอบอู้ 555+)

ปล. โคตรของโคตรเสียดายครับที่ผมไม่มีรูปถ่ายการฝึกครั้งนี้เลย เพราะเขาห้ามอุปกรณ์สื่อสารไปทั้งหมด
ปล2. พิมพ์เอ็นทรี่นี้ตอนไปเรื่อยๆปรากฏว่ายาวมาก ไม่รู้คนอ่านจะเบื่อหรือป่าว เรื่องของเรื่องตอนผมพิมพ์บรรยายเน็ตมันดับครับ เลยว่างๆ 555+
ปล3. พิมพ์แบบมึนๆ อาจเจอคำผิดคำตกหล่นได้นะคับ


ส่งต่อเรื่องนี้ให้เพื่อน!