เตือนภัย !! หากคุณยังใช้ Windows XP อยู่, รีบอัพเกรดด่วน !

คนที่ติดตามข่าวไอทีหลายคนน่าจะรู้กันดีครับ ว่าระบบปฏิบัติการ Windows XP ได้หมดระยะเวลาสนับสนุนจากไมโครซอฟท์ หรือพูดง่ายๆ ว่า “หมดอายุ” ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2014 นี้ และหมายความว่าตอนนี้ใครที่ยังใช้ Windows XP อยู่ จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากเหล่าไวรัสและผู้ไม่ประสงค์ดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งผมเชื่อว่ายังมีผู้ใช้ตามบ้านหลายคนที่ยังใช้ Windows XP อยู่และไม่ทราบถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น วันนี้ผมจะมาสรุปและเตือนถึงประเด็นดังกล่าวกันอีกครั้งครับ…

Windows XP ระบบปฏิบัติการเก่าแก่อายุ 13 ปี

ท้าวความก่อนว่า Windows XP เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 2001 จนถึงวันนี้ก็มีอายุร่วมๆ 13 ปี ซึ่งนับว่าเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นหนึ่งที่มีอายุยาวนานมาก เนื่องจาก Windows XP ออกมาในช่วงที่คอมพิวเตอร์กำลังบูม มีผู้ใช้เยอะมากจนไมโครซอฟท์ต้องขยายเวลาในการสนับสนุนออกมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงวันสุดท้ายที่ไมโครซอฟท์จะหยุดสนับสนุน Windows XP คือ วันที่ 8 เมษายน 2014

การหยุดสนับสนุนนั้นหมายความว่า ไมโครซอฟท์จะไม่มีการอัพเดทแพตช์หรือซอฟท์แวร์สำหรับอุดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยสำหรับ Windows XP ออกมาอีกในอนาคต

Wallpaper ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Windows XP (เป็นภาพที่ถ่ายจากสถานที่จริง)

Windows XP เก่าแก่แค่ไหน  ดูจากภาพสถานที่ปัจจุบันของ Wallpaper Windows XP ดูครับ ฮ่าๆๆๆ

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อ Windows XP หมดอายุ ?

ตามปกติแล้วเมื่อมีการค้นพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ ไมโครซอฟท์จะทำการสร้างแพตช์ออกมาอุดช่องโหว่ เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าไวรัส, มัลแวร์ หรือแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่เหล่านั้นโจมตีผู้ใช้งานได้ ดังนั้นหากหลังวันที่ 8 เมษายน 2014 เกิดมีผู้ค้นพบช่องโหว่ใหม่ของ Windows XP ขึ้นมา (ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูง) ใครที่ยังใช้ Windows XP อยู่ก็เตรียมรับชะตากรรมและตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะโดนโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดีได้เลย

ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นยกตัวอย่างเช่น

  • ติดไวรัสชนิดใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อโจมตี Windows XP โดยเฉพาะ ซึ่งต่อไปไมโครซอฟท์จะไม่ช่วยอุดช่องโหว่ให้อีกแล้ว
  • ความเสียหายจากไวรัส เช่น ระบบล่ม, เครื่องบูตไม่ขึ้น, ข้อมูลสูญหาย หรือเครื่องทำงานช้าลง เป็นต้น
  • โปรแกรมใหม่ๆ ไม่รองรับการทำงานร่วมกับ Windows XP ทำให้เราเสียโอกาสและประสิทธิภาพในการทำงาน
  • ภัยต่างๆ ที่จะมาจากโปรแกรม 3rd party หรือโปรแกรมอื่นๆ ที่หยุดสนับสนุน Windows XP ไปแล้ว เช่น ปลั๊กอิน Java, Adobe Reader, Flash Player เป็นต้น
  • โดนขโมยข้อมูลสำคัญ เมื่อใช้บริการผ่านเว็บไซต์ เช่น บัญชีอีเมล, ข้อมูลธนาคารและบัตรเครดิต เป็นต้น

โดยทางไมโครซอฟท์ได้มีการสำรวจออกมาครับว่า Windows XP มีความเสี่ยงที่จะติดไวรัสมากกว่า Windows 7 สองเท่า และมากกว่า Windows 8 เกือบหกเท่าเลยทีเดียว

นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว ซอฟท์แวร์ต่างๆ ที่เคยรองรับ Windows XP หลายตัวก็จะทยอยหยุดการให้สนับสนุนไปพร้อมๆ กับการหมดอายุของ Windows XP  เช่น Office 2003 และโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอย่าง Microsoft Security Essentials อีกด้วย

ยังใช้ Windows XP อยู่ ควรทำอย่างไร ?

จากที่ผมได้กล่าวไปในข้างต้น จะเห็นว่าหากเรายังคงใช้ Windows XP ต่อไป ก็จะหนีไม่พ้นและต้องตกอยู่ในความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นผมจึงจะขอแนะนำแนวทางปฏิบัติที่เป็นไปได้สำหรับใครที่ยังใช้ Windows XP อยู่จะได้รีบปรับตัวกันครับ

อัพเกรดไปใช้ระบบปฏิบัติการที่ใหม่กว่า

หนทางที่ง่ายที่สุดสำหรับคนที่ยังใช้ Windows XP อยู่ คือ อัพเกรดไปใช้ระบบปฏิบัติการที่ใหม่กว่าอย่าง Windows 7 หรือ Windows 8 ครับ ซึ่งปัจบัน Windows ทั้งสองเวอร์ชั่นนี้จะหมดอายุในปี 2020 และ 2023 ตามลำดับ หรืออย่างต่ำก็อีก 5-6 ปีเลยทีเดียวครับ

สำหรับคนที่ไม่แน่ใจว่าพีซีเครื่องเก่าจะอัพเกรดไปใช้ Windows 7 หรือ Windows 8 ได้หรือเปล่าผมก็ไปหาข้อมูลมาให้ครับ โดยสเป็คขั้นต่ำที่รองรับก็มีดังนี้ครับ

  • ซีพียูความเร็ว 1 GHz
  • แรม 1 GB
  • พื้นที่ฮาร์ดดิสก์ 16 GB

แต่ถ้าหากคอมฯเครื่องเดิมมีสเปคไม่เพียงพอที่จะอัพเกรดระบบปฏิบัติการใหม่ ก็คงต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่แบบยกชุด ซึ่งปัจจุบันเมื่อเราซื้อพีซีเครื่องใหม่ก็มักจะแถมระบบปฏิบัติการที่ใหม่ กว่ามาให้อยู่แล้ว

ยืนยันที่จะใช้ Windows XP ต่อไป

หากเรายังยืนยันที่จะใช้ Windows XP ต่อไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แน่นอนว่าจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงในอนาคตแบบเต็มๆ และต้องควบคุมพฤติกรรมการใช้งานต่างๆ ไม่ให้ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะโดนโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดี เช่น

  • อัพเกรด Windows XP ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด (Service Pack 3) หรือเวอร์ชั่นสุดท้ายก่อนที่จะหมดอายุ
  • หยุดใช้ Internet Explorer บน Windows XP เปลี่ยนไปใช้เบราเซอร์อื่นที่อัพเดทเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
  • หลีกเลี่ยงการใช้งาน Flash drive เพื่อป้องการการติดไวรัสชนิดใหม่ๆ ผ่าน port USB
  • หยุดใช้งานปลั๊กอินอันตราย เช่น Java, Adobe Reader, Flash Player ซึ่งเป็นปลั๊กอินที่เหล่าแฮกเกอร์พุ่งเป้าโจมตีมากที่สุด
  • ไม่ล็อกอินเข้าสู่ระบบเว็บไซต์ที่มีข้อมูลสำคัญ (อีเมล, ธนาคาร, บัตรเครดิต เป็นต้น)
  • หากเป็นคอมพิวเตอร์ในองค์กร ไม่ควรนำพีซีที่ใช้ Windows XP ไปใช้งานร่วมกับระบบเครือข่าย เพื่อไม่ให้ตกเป็นจุดอ่อนของระบบโดยรวม

จะเห็นว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งาน Windows XP ให้ปลอดภัยหลังวันหมดอายุ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานพีซีของเราลดลง แถมยังไม่มีการรับประกับอีกด้วยครับว่าจะปลอดภัยครอบคลุม 100% หรือไม่ ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดก็คือ ต้องอัพเกรดไปยังระบบปฏิบัติการที่ใหม่กว่าอยู่ดีหล่ะครับ เพราะในอนาคตซอฟตแวร์หรือเว็บไซต์ใหม่ๆ ก็จะไม่รองรับการใช้งานร่วมกับ Windows XP อย่างแน่นอน

สรุป

Windows XP หมดอายุไปแล้วตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2014 การใช้งาน Windows XP ต่อไปหลังวันหมดอายุ จะทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงต่างๆ จากผู้ไม่ประสงค์ดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดคือ ถ้าพีซีเครื่องเดิมยังรองรับก็ต้องเปลี่ยนไปใช้งานระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นที่ใหม่กว่า แต่ถ้าพีซีเครื่องเดิมไปต่อไม่ไหวแล้ว เห็นทีควรที่จะต้องมีการ “ลุงทุน” เพื่ออัพเกรด/เปลี่ยนพีซีเครื่องใหม่ใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดความสูญเสียต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


ส่งต่อเรื่องนี้ให้เพื่อน!